วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552

มารู้จักคอร์ดต่างๆที่ใช้แข่งเทนนิสระดับโลกกัน

[บทความนี้คัดมาจากบทความที่ลงในผู้จัดการออนไลน์ คอลัมน์ Eye on Sport
โดยคุณกษิติ กมลนาวิน ลงใน website.
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000042198
เมื่อวันที่ 15 Apr 2009 ] ขอขอบคุณคุณกษิติ ที่แบ่งปันความรู้ครับ

สนามเทนนิสในปัจจุบันมีสภาพแตกต่างกัน 4 แบบ คือ คอร์ทหญ้า ( Grass court ) คอร์ทดิน ( Clay court ) คอร์ทปูน ( Hard court ) และ คอร์ทพรม ( Carpet court ) ซึ่งรายการของ เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ หรือ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ ที่มีการแข่งขันตลอดปี ยังไงนักเทนนิสอาชีพก็จะต้องมีโอกาสได้เล่นในสนามครบทั้ง 4 ชนิดอย่างแน่นอน

คอร์ทหญ้า ซึ่งมีมากในประเทศอังกฤษ ส่วนมากจะใช้หญ้าพันธุ์ที่เรียกว่า รายกราส ( Ryegrass ) ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้บอลกระดอนช้ากว่าหญ้าพันธุ์อื่นๆ คอร์ทหญ้ามีค่าดูแลรักษาสูงกว่า ฮาร์ด คอร์ท และ เคลย์คอร์ท ต้องมีการหว่านเมล็ด ปลูกใหม่ทุกปี และเวลาสนามเปียกก็จะค่อนข้างลื่น ดังนั้น สมัยนี้พอฝนมา เขาก็ต้องรีบเอาผ้าใบคลุมทันที ไม่เช่นนั้นกว่าหญ้าจะแห้ง รอเป็นวันครับ

การแข่งขันที่ใช้ สนามหญ้า ก็คือ วิมเบิลดัน รายการระดับ แกรนด์ สแลม ของประเทศอังกฤษที่เป็นทอร์นาเมนท์ที่เก่าแก่ที่สุด เริ่มกันตั้งแต่ปี 1877 นอกจากนั้น ก็ยังมีรายการอื่นๆอีก เช่น อารตัว แชมเปียนชิพ ( Artois Championship ) รายการ ออร์ดีนา โอเพน ( Ordina Open ) และคนที่เล่นได้ดีในสนามลักษณะนี้ ก็คือ วีนัส วิลเลียมส์ โรเจอร์ เฟเดเรอร์ พีท แซมพรัส ชเตฟี กราฟ เป็นต้น

ฮาร์ด คอร์ท เป็นคอร์ทปูน มีอยู่ทั่วโลก มักปูพื้นผิวด้วยยางแอสฟัลท์ ( asphalt ) มีคุณสมบัติทำให้บอลกระดอนเร็วกว่า คอร์ทดิน แต่ช้ากว่า คอร์ทหญ้า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณและขนาดของเม็ดทรายที่ผสมเข้าไปในปูนเพื่อฉาบผิวพื้น ถ้ายิ่งมีทรายน้อย บอลก็จะยิ่งกระดอนเร็ว อย่างรายการระดับ แกรนด์ สแลม ก็มี ยู เอส โอเพน เขาเรียกว่า อคริลิค ฮาร์ด คอร์ท ( Acrylic hard court ) ส่วน ออสตราเลียน โอเพน เป็น ซินเธทิค ฮาร์ด คอร์ท ( Synthetic hard court )

คอร์ทพรม อันนี้จะใช้ได้ก็เฉพาะสนามในร่ม เป็นพวกยางหรือวัสดุสังเคราะห์ รายการที่ใช้ คอร์ทพรม ก็มีตัวอย่าง เช่น เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ( BNP Paribas Masters ) ที่กรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส

สนามเทนนิสอีกชนิดหนึ่ง คือ คอร์ทดิน ทำจากพวกอิฐ หินบด ซึ่งแม้ว่าค่าก่อสร้างสนามแบบนี้จะดูราคาไม่สูงเท่ากับสนามแบบอื่นๆ แต่ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า มันจะมาหนักที่ค่าดูแลรักษา อย่างน้อยก็ใช้เงินมากกว่า ฮาร์ด คอร์ท เขาต้องใช้ลูกกลิ้งไถพื้นผิวให้เรียบอยู่เสมอ แล้ว คอร์ทดิน ก็ยังมี 2 ชนิดแตกต่างกัน คือ ดินสีแดง อย่างที่ใช้ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ มีคุณสมบัติไม่ดูดซับน้ำง่ายๆ ที่เขาไม่ใช้ดินแท้ๆก็เพราะเวลามีน้ำเฉอะแฉะ กว่าจะแห้งนั้นกินเวลาร่วม 2-3 วันครับ อันนี้ผิดกับ ดินสีเขียว ที่ส่วนมากจะใช้ในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า ฮาร์-ทรู ( Har-Tru ) หรือ อเมริกัน เคลย์ ( American clay ) ซึ่งพื้นผิวจะมีคุณสมบัติแข็งกว่า บอลกระดอนเร็วกว่า แต่ส่วนมากเขาจะใช้ปูชั้นล่างของผิวหน้ามากกว่า รายการเทนนิสระดับ แกรนด์ แสลม ที่ใช้ คอร์ทดินสีแดงๆ ก็คือ เฟรนช์ โอเพน

ลูกบอลจะกระดอนบนคอร์ทดินได้สูงและช้ากว่าบนคอร์ทชนิดอื่น ดังนั้น อย่าไปหวังว่าจะหวดทีเดียวให้คู่ต่อสู้รับกลับมาไม่ได้ ในแต่ละเกม ลูกวินเนอร์มีให้เห็นน้อยกว่า ดังนั้น การเล่นเทนนิสบนคอร์ทดินจึงเป็นเกมยืดเยื้อพอสมควร เหมาะสำหรับนักเทนนิสที่ชอบคอยตั้งรับ ตีโต้ท้ายคอร์ท รวมทั้ง พวกที่ชอบเล่นท็อพสปิน ลูกเล่นอีกอย่างที่นักหวดถนัดคอร์ทดินชอบใช้คือ ลูกหยอด ใครไม่ถนัดคอร์ทประเภทนี้ก็ยากที่จะเข้าสู่รอบลึกๆ เพราะการเคลื่อนที่บนคอร์ทดินนั้นแตกต่างจากคอร์ทอื่นอย่างสิ้นเชิง มันเป็นลักษณะการไถลเข้าหาลูกบอลแล้วตีมากกว่าการเล่นบนฮาร์ดคอร์ทหรือกราสคอร์ทที่ต้องวิ่งไปแล้วหยุดเพื่อหวดลูกบอล

นักเทนนิสที่ถนัดการเล่นบน คอร์ทดิน ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้อง ชุสตีน เอแน็ง ( Justine Henin ) อดีตมือ 1 ของโลกชาวเบลเยียม ที่คว้าแชมป์หญิงเดี่ยว โรล็อง การโรส หรือ เฟรนช์ โอเพน มา 4 สมัยในปี 2003 และ 2005-2007 ส่วนฝ่ายชายเป็น ราฟาเอล นาดาล มือ 1 ของโลกชาวสเปนแน่นอน เพราะหมอนี่กวาดแชมป์ชายเดี่ยว เฟรนช์ โอเพน มาแล้ว 4 สมัยซ้อนในปี 2005-2008 ซึ่งว่าที่จริงแล้ว นาดาล ก็ไม่เคยแพ้ใน เฟรนช์ โอเพน เลยตั้งแต่ลงแข่งมา แถมยังเป็นเจ้าของสถิติชนะติดต่อกันบนคอร์ทชนิดเดียวกันยาวนานที่สุดด้วย โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2005 ถึงเดือนพฤษภาคม 2007 เขาทำสถิติได้รับชัยชนะบน เคลย์ คอร์ท ติดต่อกันเอาไว้ที่ 81 แมตช์

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

Example of how to unlever and relever to find WACC at differnt Debt ratio

The figures are from Conrail (B) (Harvard Business School's case study)

How to Calculate Conrail’s WACC (@industrial average debt ratio =>49%)
1. Calculate Ke from Conrail’s beta (1.30) given in exhibit 10
Ke= Rf + Beta*(Market risk Premium)
= 6.54% + 1.3 * 7% => 15.64% (Ke @ Conrail’s current debt ratio (21%)
2. Assume Kd = 8.11% unchanged (equal to Yield on Long term corporate bond of Baa)
3. Calculate opportunity cost (K, or unlevered return) from below fomula
K = Kd (D/Tc) + Ke(E/Tc) Where Tc = D+E
K = 8.11% * 21% + 15.64* 79% => 14.058%
4. Relever back @ new debt ratio to find new Ke @ target debt ratio
Ke (new) *E/Tc = K – Kd*(D/Tc)
Ke*51% = 14.058% - 8.11%*(49%)
Ke (new) = 19.77%
(This is Ke @ target debt ratio = 49%)
5. Calculate new WACC @Target debt ratio (49%)
WACC = Kd(1-T)*D/Tc + Ke*E/Tc
= 8.11%*(1-0.35)*49% + 19.77%*51%
=12.667%

ขอบคุณพระเจ้าเรื่องไปทันเรียนอย่างอัศจรรย์

วันจันทร์ที่ 13 April 09
วันนี้มี class เรียนที่ MIT ตอนบ่ายโมง แถมมีการบ้านที่ต้องดูให้เสร็จก่อนไป แต่ก็ดันตื่นสายตั้ง 11 A.M.
ตอนนั้นก็คิดว่าจะต้องรีบทำงานให้เสร็จ แต่พระเจ้าก็พูดเข้ามาในใจว่าให้ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการใช้เวลากับพระองค์ก่อน (พระคัมภีร์บอกว่า "จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้"
ก็เลยตัดสินใจว่าจะใช้เวลากับพระองค์ ก็อธิษฐานคุยกับพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์ เสร็จก็ประมาณเกือบเที่ยง รีบกินข้าวจนประมาณเที่ยงก็รีบทำงาน จนถึงบ่ายครึ่ง ก็ต้องรีบแต่งตัว เดี๋ยวจะไม่ทันรถรอบ 12:42 เพราะถ้าไม่ไปรอบนี้ก็คงไม่น่าทันเข้า class
สุดท้ายก็ไม่ทันจริงๆ ก็ลังเลว่าจะเดินไปดีมั้ย ไปที่ Harvard Square (ประมาณ 10 นาที) หรือว่าจะรอรถเมล์รอบถัดไป สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปคิดว่า น่าจะดีที่จะได้คุยกับพระเจ้าระหว่างเดินไปด้วย พอเดินไปซักพัก ตอนนั้นก็เกือบจะบ่ายโมงแล้ว ก็เห็นรถเมล์ขับผ่านไป รู้สึกเซ็งเล็กน้อย เพราะถ้าได้ขึ้นรถก็คงจะสายน้อยหน่อย แต่ก็เหมือนกับพระเจ้าบอกในใจว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พระเจ้าจะดูแลเอง
ก็เลยค่อยๆเดินไปจนถึงสถานีรถไฟ ก็ขึ้นรถไปลงที่ MIT รีบจ้ำไปที่ห้องตอนนั้นก็บ่ายโมงสิบแล้ว
ระหว่างเดินก็คิดว่า จะเข้าห้องไปยังไงดีถึงจะไม่รบกวนคนอื่นมากนัก แต่พอไปถึงหน้าห้องกลับกลายเป็นว่า เห็นทุกคนยืนอยู่หน้าห้อง รวมทั้งอาจารย์ด้วย (ปกติเรื่องแบบนี้ ยากมากๆที่จะเกิดขึ้น เพราะที่นี่เค้าจัดระบบห้องเรียนดีมาก) ก็เลยได้รู้ว่าวันนี้มีเหตุการณ์พิเศษคือมี Congressman มากล่าว speech แล้วพอดีเค้าใช้เวลานาน ห้องเรียนซึ่งถูกใช้เป็นห้องของพวกสื่อมวลชนก็เลยต้อง delay ออกไป ทำให้ class เรายังเริ่มไม่ได้
ขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ไปทันอย่างอัศจรรย์ เมื่อเราวางใจในพระองค์ ให้พระองค์ก่อน พระองค์ก็จะดูแลที่เหลือเอง ขอเพียงเชื่อและฟังคำของพระองค์และวางใจ
ขอบคุณพระเจ้าครับ

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

Statistical consulting summary1


Microeconomics summary2


Microeconomics summary1

ชีวิตคริสเตียนกับการทดลอง

ใครที่คิดว่าชีวิตหลังรับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์จะเป็นชีวิตที่สบาย ชิลๆ แล้วล่ะก็คงรู้สึกตัวแล้วว่าผิดถนัด
โลกที่เราอยู่รอบตัวนี้ยังคงมีการทดลองที่พยามจะนำเราออกไปจากทางของพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ 1 เปโตรบทที่ 1:6-7 กล่าวว่า
" ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งในการถูกทดลองต่างๆ เพื่อการลองดูความเชื่อของท่าน อันประเสริฐยิ่งกว่าทองคำ ซึ่งแม้จะเสียไปได้ก็ยังถูกลองด้วยไฟ จะได้เป็นเหตุให้เกิดการสรรเสริญ เกิดศักดิ์ศรีและเกียรติ ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ"

ตอนอ่านก็งงนิดหน่อยว่า ทำไมพระเจ้ารู้อยู่ว่าความเชื่อของเรามันอาจจะเสียไปได้จากการทดลอง ทำไมพระองค์ยังทรงต้องให้เราอยู่ในการทดลองอีกนะ แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ผมได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือของ อาจารย์ชาร์ล แสตนลีย์ (Charles Stanley) ชื่อการทดลอง (Winning the war within)

ในหนังสืออาจารย์บอกว่า "การเติบโต กับการทดลอง สองสิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องมาด้วยกัน" อาจารย์ยังได้ยกตัวอย่างของการการพายเรือในแม่น้ำที่เชี่ยวสายหนึ่ง ถ้าผู้พาย(เปรียบเทียบได้กับตัวเรา) พยามทำในส่วนของเราคือพายอย่างเต็มที่ นอกจากที่เราข้ามผ่านสายน้ำที่เชี่ยวนี้ไปได้แล้ว เราก็ยังได้พัฒนาร่างกายของเราให้แข็งแรง ประสบการณ์ สติปัญญาในการรับมือกับปัญหา หรือพูดง่ายๆคือเราเติบโตขึ้น
แต่เราเกิดบอกว่าเบื่อแล้ว ขี้เกียจพายแล้ว พอเถอะ เรือก็จะถึงคราวอับปางลง
พระเจ้าเป็นผู้นำให้เราเข้าไปในสถานการณ์ที่ยาก เพราะพระองค์ต้องการให้เราเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระองค์และเติบโตจนเป็นเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงรักเรามากจนไม่สามารถปล่อยให้เราเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตไปตลอดเวลาได้ จริงอยู่ตอนเด็กๆแบเบาะ เราอาจจะไม่ต้องทำอะไร นอนให้คนมาป้อนนมป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม แต่ถ้าเราโตจนอายุ 6 ขวบ ยังไม่ยอมหัดทำอะไรเอง พ่อแม่คงกลุ้มใจ
บางคนอาจจะรู้สึกว่าแต่สถานการณ์ที่พระเจ้านำเราเข้าไป มันยากเกินไปสำหรับเรา พระคัมภีร์มีคำตอบไว้ว่า " ไม่มีการทดลองใดๆที่เกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะกำลังทนได้" (1 โครินธ์ 10:13)
แต่มีสามสิ่งสำคัญที่ไม่อาจลืมได้คือ 1) เป็นสิ่งที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีกที่เราจะต้องเจอการทดลอง 2) เรามีศักยภาพที่พระเจ้าประทานให้ที่จะเอาชนะการทดลอง ถึงแม้เราจะยังไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ 3) พระเจ้าพร้อมและทรงต้องการที่จะช่วยเรา เพราะพระองค์อนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เข้ามาเพราะพระองค์รู้ดีว่าเราจะเติบโตขึ้นอย่างไร
เมือ่เราชนะการทดลองที่เข้ามาในแต่ละวัน เราก็จะเข้มแข็งขึ้น มีศักดิ์ศรีมากขึ้นเป็นลำดับ (คือเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น) และเมื่อเราเกิดผลแบบนั้นก็จะนำไปสู่การถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้เป็นที่รักยิ่งของเรา
ขอพระเจ้าโปรดช่วยพวกเราด้วยครับที่จะมีชีวิตที่ถวายเกียรติแดพระองค์โดยการเอาชนะการทดลองในแต่ละวันด้วยความหวังและวางใจในพระเจ้า
ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้าอาเมน