คริสเตียน หรือ คนที่ไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม หากเลือกทำสิ่งใดที่สอดคล้องกับกฏที่พระเจ้าสร้างไว้ คนนั้นๆก็จะได้รับสิ่งที่พระเจ้าทรงตรากฏไว้
พระเจ้าทรงสร้างให้มนุษย์มีทั้ง กาย จิตใจ และวิญญาณ (Body, Mind, Spirit)
- กฏฝ่ายกายก็มีอยู่ เช่น กฏแรงโน้มถ่วง ทำให้เรายืนอยู่บนพื้นไม่ลอยไป (ซึ่งก็เป็นกฏที่พระเจ้าสร้างไว้เหมือนกัน)
- กฏฝ่ายจิตใจก็เช่น กฏการแทนที่ คือเราไม่สามารถจะลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยบอกแค่ว่า "ไม่" ได้ (ไม่เชื่อลองนึกภาพรถในหัว แล้วพยายามบอกว่าไม่มีรถ เพื่อให้รถหายไปดูซิ จะพบว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าอยากให้รถหายไป จริงๆ ลองนึกภาพบ้านแทน รถจะค่อยๆหายไป บ้านจะปรากฏขึ้นแทน และยิ่งถ้าใส่รายละเอียดลงไป ภาพบ้านในจิตใจจะยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ) หลายๆคนประยุกต์กฏนี้ไปกับการตั้งเป้าหมาย
- กฏฝ่ายวิญญาณ ก็เช่น กฏแห่งการ Fulfill มนุษย์จะรู้สึกว่า เค้าขาดอะไรบางอย่าง พยายามค้นหาว่าสิ่งนั้นคืออะไรเพื่อมาเติมเต็มความฝัน เป้าหมาย อยากดำเนินชีวิตเต็มศักยภาพ (ซึ่งนี่พระเจ้าก็ใส่ให้เค้าด้วย) ซึ่งกฏนี้ตามพระคัมภีร์จะระบุไว้ชัดว่า สิ่งที่มนุษย์ตามหานั้นก็คือ พระเจ้าผู้สร้างเขาแต่ละคนขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์มาเป็นมนุษย์และตายแทนบาปของเขาแล้วนั้น จะได้รับ ชีวิตใหม่ และจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย คอยให้คำปรึกษา สอน ตักเตือน ทำให้เค้ารู้สึก fulfilled มีสันติสุขบางอย่างที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจลึกๆ
เมื่อมนุษย์อาศัยจิตใจ (ความคิด) ของเขา ทำการเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เขาจะสามารถขยายขอบเขตเข้าไปใช้ "ทรัพยากร (Resource)" ที่อยู่รอบตัวของเค้าได้ อย่างเช่น ทางการเงิน ผู้ประกอบการ เมื่อมีความรู้เข้าใจระบบการเงิน จะเข้าถึงตลาดเงินหรือตลาดทุน นำไปสู่การ leverage ซึ่งทำให้ทำธุรกิจในขนาดที่ใหญ่กว่าเงินทุนที่ตัวเองมี (บางตำราเรียกว่า OPM หรือ other people's money)
แต่แน่นอนไม่ใช่ความคิด เท่านั้นทีสำคัญ การกระทำออกมานี่แหล่ะสำคัญที่สุด หากเราจะมี impact กับโลกใบนี้ ไม่ใช่เพราะแค่มีความรู้ในหัวเรา ไม่ใช่เพราะแค่มีการวางแผนที่ดี (แน่นอนการวางแผนดีกว่าไม่มีนับร้อยๆเท่า) แต่ต้องอาศัยการลงมือทำ ในภาพนี้คุณ Tina ใช้คำว่า imagination แต่ผมอยากจะใช้ Action&Skill คือเรายิ่งทำออกไป ยิ่งเรียนรู้ เราจะได้ความชำนาญตามมา (ก็เหมือนกับการปั่นจักรยานใหม่ๆ เราไม่มีทางไม่ล้ม แต่ค่อยขับ ล้ม เรียนรู้ ปรับปรุง ครั้งแล้วครั้งเล่า) และเมื่อเราลงมือกระทำ มันก็จะส่งผลต่อโลกโดยรอบเราแน่นอน (Surrounding/Habitat)
ส่วนที่สำคัญกว่า การคิดและกระทำ ก็คือสิ่งที่เราเป็น (Attitude หรือทัศนคตินั่นเอง) หากจะเป็นคุณประโยชน์แก่คนรอบข้าง ทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะหากแค่คิดวางแผนและกระทำ เฉยๆ โจรที่เก่งๆก็ทำกัน แต่หากทัศนคติของเราถูก คือที่เราประพฤติให้สอดคล้องกับสิ่งที่สอนในพระคัมภีร์ที่ว่า ให้รักยำเกรงพระเจ้าอย่างสุดใจ และรักคนอื่นๆเหมือนรักตัวเองแล้วล่ะก็ แผนการที่เราคิดวางไว้ และการลงมือกระทำ อย่างอดทน อย่างเรียนรู้ จะนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ ทั้งในส่วนที่มองเห็นซึ่งก็คือ physical surroundings และในส่วนที่มองไม่เห็น ซึ่งก็คือ Culture อย่างแน่นอน
เราต้องมีทั้งสามส่วนนี้อย่างสมดุล บางคนอาจต้องปรับเรื่องทัศนคติ บางคนอาจต้องปรับเรื่องการหาความรู้ การวางแผน บางคนอาจต้องปรับเรื่องการลงมือทำอย่างเป็นระบบและมีวินัย วันนี้ไม่ต้องท้อใจ ลองเลือกมาซัก 1 ข้อ ที่คิดว่าเป็นจุดที่น่าปรับปรุงที่สุด อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า ที่เราจะดีขึ้นๆ เพื่อเราจะเป็นพรให้กับคนอื่นๆ ได้มากขึ้นและมากขึ้นทุกวัน ขอพระเจ้าอวยพร
นาวี 24 Aug 2015